คุณกำลังมองหาอะไร?

พิ

พิธีส่งมอบและเปิดป้ายส้วมสุขอนามัยในโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยะที่ 2 ปี 2559 ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

27.07.2559
24
0
แชร์
27
กรกฎาคม
2559

พิธีส่งมอบและเปิดป้ายส้วมสุขอนามัยในโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยะที่ 2 ปี 2559 ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์

           วันนี้ (25 กรกฎาคม 2559) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สร้างและส่งมอบส้วมสุขอนามัยในถิ่นทุรกันดารตามโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ระยะที่ 2 ปี 2559 ให้กับพื้นที่ภาคอีสาน จังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้มีส้วมใช้งานตามมาตรฐาน HAS สะอาด เพียงพอ และปลอดภัย ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นางสาวสิริวรรณ จันทนจุลกะ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดพิธี
            กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เป้าหมาย ให้ความสำคัญในกลุ่มเด็กและเยาวชนในโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่เป้าหมายตามพระราชดำริ มุ่งให้โรงเรียนเป็นฐานการพัฒนา พึ่งตนเอง สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน และใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างประหยัดและเกิดประสิทธิผลสูงสุด กรมอนามัยได้กำหนดให้ควรมีส้วมทั้ง 2 แบบ ให้เลือกใช้คือแบบนั่งยองและแบบนั่งราบหรือแบบชักโครก เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน เช่น หากเป็นเด็กจะให้มีส้วมทั้ง 2 แบบ เพราะเด็กส่วนใหญ่จะใช้ส้วมแบบนั่งยองจนเคยชิน แต่โรงเรียนจะต้องฝึกให้นักเรียนใช้ส้วมแบบนั่งราบด้วย ให้เด็กเกิดการเรียนรู้และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้เมื่อเจอส้วมแบบนั่งราบ แต่หากเป็นผู้ใหญ่โดยเฉพาะผู้สูงอายุจะเน้นการสร้างส้วมแบบนั่งราบเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร ที่สำคัญเด็กนักเรียน ครู และประชาชนในชุมชน ควรดูแลทำความสะอาดส้วมให้ถูกหลักสุขาภิบาล เพื่อไม่ให้กลายเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค โดยเฉพาะส้วมในโรงเรียนต้องมีความสะอาด ปลอดภัย เพียงพอ และควรปลูกฝังพฤติกรรมการใช้ส้วมที่ถูกวิธีควบคู่กันไปด้วย
           ในปี 2558 มีโรงเรียนเป้าหมายในถิ่นทุรกันดารได้รับส้วมสุขอนามัยในโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา ฯ มาตรฐาน HAS ทั่วประเทศแล้ว จำนวน 81 แห่ง โดยได้ส่งมอบให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนพิกัดกระจายทั่วพื้นที่ภาคอีสาน 11 แห่ง ใน 2 จังหวัด ๆ ละ 2 แห่ง คือ สุรินทร์ อุบลราชธานี และจังหวัดละ 1 แห่ง คือ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ นครพนม สกลนคร อุดรธานี และบึงกาฬ โดยครั้งนี้เป็นการส่งมอบส้วมสุขอนามัย ระยะที่ 2 ปี 2559 เพิ่มในโซนพื้นที่ภาคอีสานอีก 3 แห่ง คือ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนท่านผู้หญิง สุประภาดา เกษมสันต์ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตาเอ็ม อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยเป้า อำเภอปากชม จังหวัดเลย เป็นการพัฒนาให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเป็นต้นแบบด้านสุขาภิบาลสุขอนามัยต่อไป
           ทั้งนี้ การดำเนินงานโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาฯ ระยะที่ 2 ปี 2559นี้ ได้รับพระราชทาน พระราชานุญาตให้สร้างและปรับปรุงส้วมโรงเรียนเป้าหมายในถิ่นทุรกันดารขยายผลตามความขาดแคลนและความจำเป็นของโรงเรียน ภายใต้การมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายอย่างเข้มแข็ง เช่น บริษัท องค์กร ภาคเอกชน และภาคประชาชน ที่ให้การสนับสนุนเงินบริจาคสมทบกองทุน กพด. ปูนซีเมนต์ สุขภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับใช้ในการสร้างและปรับปรุงส้วมให้กับโรงเรียนเป้าหมายในถิ่นทุรกันดาร และจะทำการทยอยส่งมอบส้วมสุขอนามัยให้กับโรงเรียนเป้าหมาย จนครบ 120 แห่ง ในโอกาสอันเป็นมงคลดังกล่าว
วันนี้ (25 กรกฎาคม 2559) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สร้างและส่งมอบส้วมสุขอนามัยในถิ่นทุรกันดารตามโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ระยะที่ 2 ปี 2559 ให้กับพื้นที่ภาคอีสาน จังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้มีส้วมใช้งานตามมาตรฐาน HAS สะอาด เพียงพอ และปลอดภัย ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นางสาวสิริวรรณ จันทนจุลกะ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดพิธี กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เป้าหมาย ให้ความสำคัญในกลุ่มเด็กและเยาวชนในโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่เป้าหมายตามพระราชดำริ มุ่งให้โรงเรียนเป็นฐานการพัฒนา พึ่งตนเอง สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน และใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างประหยัดและเกิดประสิทธิผลสูงสุด กรมอนามัยได้กำหนดให้ควรมีส้วมทั้ง 2 แบบ ให้เลือกใช้คือแบบนั่งยองและแบบนั่งราบหรือแบบชักโครก เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน เช่น หากเป็นเด็กจะให้มีส้วมทั้ง 2 แบบ เพราะเด็กส่วนใหญ่จะใช้ส้วมแบบนั่งยองจนเคยชิน แต่โรงเรียนจะต้องฝึกให้นักเรียนใช้ส้วมแบบนั่งราบด้วย ให้เด็กเกิดการเรียนรู้และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้เมื่อเจอส้วมแบบนั่งราบ แต่หากเป็นผู้ใหญ่โดยเฉพาะผู้สูงอายุจะเน้นการสร้างส้วมแบบนั่งราบเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร ที่สำคัญเด็กนักเรียน ครู และประชาชนในชุมชน ควรดูแลทำความสะอาดส้วมให้ถูกหลักสุขาภิบาล เพื่อไม่ให้กลายเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค โดยเฉพาะส้วมในโรงเรียนต้องมีความสะอาด ปลอดภัย เพียงพอ และควรปลูกฝังพฤติกรรมการใช้ส้วมที่ถูกวิธีควบคู่กันไปด้วย ในปี 2558 มีโรงเรียนเป้าหมายในถิ่นทุรกันดารได้รับส้วมสุขอนามัยในโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา ฯ มาตรฐาน HAS ทั่วประเทศแล้ว จำนวน 81 แห่ง โดยได้ส่งมอบให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนพิกัดกระจายทั่วพื้นที่ภาคอีสาน 11 แห่ง ใน 2 จังหวัด ๆ ละ 2 แห่ง คือ สุรินทร์ อุบลราชธานี และจังหวัดละ 1 แห่ง คือ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ นครพนม สกลนคร อุดรธานี และบึงกาฬ โดยครั้งนี้เป็นการส่งมอบส้วมสุขอนามัย ระยะที่ 2 ปี 2559 เพิ่มในโซนพื้นที่ภาคอีสานอีก 3 แห่ง คือ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนท่านผู้หญิง สุประภาดา เกษมสันต์ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตาเอ็ม อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยเป้า อำเภอปากชม จังหวัดเลย เป็นการพัฒนาให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเป็นต้นแบบด้านสุขาภิบาลสุขอนามัยต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินงานโครงการสุขอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาฯ ระยะที่ 2 ปี 2559นี้ ได้รับพระราชทาน พระราชานุญาตให้สร้างและปรับปรุงส้วมโรงเรียนเป้าหมายในถิ่นทุรกันดารขยายผลตามความขาดแคลนและความจำเป็นของโรงเรียน ภายใต้การมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายอย่างเข้มแข็ง เช่น บริษัท องค์กร ภาคเอกชน และภาคประชาชน ที่ให้การสนับสนุนเงินบริจาคสมทบกองทุน กพด. ปูนซีเมนต์ สุขภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับใช้ในการสร้างและปรับปรุงส้วมให้กับโรงเรียนเป้าหมายในถิ่นทุรกันดาร และจะทำการทยอยส่งมอบส้วมสุขอนามัยให้กับโรงเรียนเป้าหมาย จนครบ 120 แห่ง ในโอกาสอันเป็นมงคลดังกล่าว

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน